After Shock !!

4 เม.ย.

เมื่อวานได้ดูหนังเรื่องหนึ่งที่แฟนแนะนำให้ดูให้ได้ชื่อเรื่องว่า After Shock

สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากโศกนาฎกรรมแผ่นดินไหวที่เมืองถางซานประเทศจีนเมื่อปี 1976

มีผู้คนล้มตายถึง2แสนกว่าคน นับว่าเป็นเรื่องน่าเศร้ามาก

ผู้คนที่นอนหลับอยู่ภายในอาคารบ้านเรือนที่เพิ่งกลับจากทำงานหนัก

การใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอันเป็นที่รักเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้กลับเกิดหายนะครั้งที่เลวร้ายที่สุดจากหน้ามือเป็นหลังมือชีวิตที่เคยสุขสบายกับต้องเกิดการสูญเสียอย่างไม่มีทางหวนกลับ เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ

ผมดูแล้วรู้สึกหดหู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ถ่ายทอดออกมาจนทำให้รู้ึสึกว่าถ้าเป็นเราหล่ะ? จะทำอย่างไร?

หากเราเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น เราจะเสียใจเพียงไหน ผมไม่อยากให้เหตุการณ์เลวร้ายนี้เกิดขึ้นอีกเลย

ธรรมชาิติช่างน่ากลัวยิ่งนัก

ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับคนที่เรารักและรักเขาให้มากที่สุด

อยากให้ผู้ประสบภัยจากธรรมชาิติ เข้มแข็ง อดทน และฝันฝ่าอุปสรรคนี้ไปให้ได้

เอาใจช่วยและยินดีไปช่วยเหลือเท่าที่พอจะทำได้

ร่วมแรงร่วมใจกัน สามัคคีกัน จะนำพาเราให้่ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายไปได้ในที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ถ้าไม่เคยสูญเสีย ก็คงไม่รู้หรอก”  เป็นประโยคนึงในเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับทุกคนแต่อยากให้ทุกคนได้หนังเรื่องนี้

รักมันใหญ่มากกกกกกกกกกก

23 ก.พ.

From the album:
กาลครั้งหนึ่งในอินเดีย by Pai K. Kanjanumpha

บันทึกย้อนอดีต ๑

24 มิ.ย.

วันพุธ ที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๓                                                                                                                        เวลา ๑๘.๑๑ น.   ณ หอสมุดรังสิต มธ.

เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ผมได้แวะไปปริ๊นซ์ใบเสร็จเพื่อชำระเงินค่าขึ้นทะเบียนเป็นบัณฑิตของ ม.ธรรมศาสตร์ ด้วยความรีบร้อนจึงเรียกวินมอไซค์ให้มาส่งที่ทางเข้าไปธนาคารกรุงไทยตรงข้าง หอสมุดป๋วยระหว่างเส้นทางเดินนั้นมีร้านค้ามาเปิดบุธตั้งขายกันเรียงรายเป็นแถวทั้งร้านปาลูกโป่ง เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องใช้ต่างๆริมทางเข้า ผมได้แต่ละเว้นจากการสนใจสิ่งรอบข้างเพื่อที่จะรีบเดินไปกดเงินที่ตู้ATMซึ่งมีคนต่อคิวอยู่พอสมควร ผมจึงเล็งตู้ที่มีคนน้อยสุด คือมีชายฉกรร ๒ นายใส่เสื้อ รด. คนซ้ายข้างหลังสกรีนว่า รัก ต.อ. ยิ่งชีพ ส่วนคนขวา ธรรมศาสตร์และการเมือง สองคนนี้ดูท่าทางร้อนเงินยิ่งนัก ผมยืนอยู่ข้างหลังก็ได้แต่สังเกตว่า เอ๊ะทำไมกดนานจัง นานเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปแล้วนะเฟร้ย ผมก็ได้แต่ชะเง้อดูว่าพวกมันทำอะไรกันแน่ เผลอไปเห็นยอดเงินในบัญชี โอ้วแม่งรวยนี่หว่าเงินเยอะพอที่จะบินไปกลับกรุงเทพ-โตเกียวได้สบายๆเลยมากเกินกว่าที่จะถอนจากตู้ออกมาหมดในเพียงครั้งเดียว ก็เค้าให้ถอนครั้งละไม่เกิน สองหมื่น กดล่อไปสองครั้ง ยังไม่พอกดอีก คราวนี้ถอนไม่ได้ เพื่อนก็บอกว่า มันถอนได้วันละไม่เกินห้าหมื่น อ่าวจากนั้นก็บ่นพึมพัมว่าแล้วจะทำไงไปถอนตู้อื่นดีกว่า เยี่ยม!! ถ้าพวกมึงรู้ก่อนว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้ทำไมไม่เข้าไปกดบัตรคิวแล้วกรอกใบถอนเงินจากธนาคารตรงหน้าพวกมึงซะหล่ะครับ ไอฟรายย จากที่ผมต่อคิวเป็นคิวที่สองหันหลังกลับไป คนแม่งมาจากไหนวะเนี่ยเยอะอย่างกับเหี้ย ส่วนตัวผมเองใช้เวลากดไม่ถึงครึ่งนาทีก็ได้เงินมาใช้อย่างสบายแฮ จากนั้นก็เข้าไปชำระเงินที่ธนาคารตรงหน้าเพียงไม่กี่อึดใจพอได้ใบเสร็จรับเงินมาเท่านั้นก็รีบวิ่งไปยังประตูสำนักทะเบียนทันที  กึก!! กึก!! กึกๆๆ!! เชี่ย ล็อค!

“ไม่ต้องมีคำบรรยายใดใด สักคำให้ลึกซึ้ง ไม่ต้องบรรยายอะไรให้สวยเลิศเลอ~”

สำนักทะเบียนปิดเวลา ๑๖.๐๐ น. เป๊ะเลยครับ ผมยังเห็นคนยืนอยู่ข้างในพอประมาณแต่ทำไมถึงปิดแล้วหล่ะฮ้าฟ  ก็ได้แต่โอดครวญ แล้วก็เริ่มเห็นสัจธรรม อันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก  นี่ข้าช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีหรือนี่ ในใจคิด

๑.  คุกเข่าอ้อนวอนหากท่านไม่เปิดประตูจะนั่งคุกเข่าอยู่อย่างนี้

๒. ใช้ท่อนซุงกระแทกเประตูเหมือนในหนังสงครามสมัยโบราณ

๓. เดินจากไปพร้อมคราบน้ำตาที่เอ่อล้นท่วมทุ่งข้าวสาลี

ผมได้แต่เดินจากมาพร้อมกับตั้งวาจาไว้ว่า แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่เด้อ เดินผ่านผู้คนมากมายมาทางเดินหอสมุดป๋วย เห็นได้ชัดเจนว่ามีมหกรรมหนังสือลดราคามาเิปิดบูธจากสำนักพิมพ์ต่างๆมาลดราคากันถึงที่ ไหนๆก็ผิดหวังจากเหตุการณ์เมื่อกี้แล้วถือว่าเป็นโอกาสดีหาหนังสือติดมือมาอ่านยามว้าวุ่นใจดีกว่า เดินเลือกอยู่นานนักอ่านที่นี่ก็เยอะเหมือนกันนะ เิปิดเล่มโน้นอ่านเล่มนี้ลองอยู่หลายบูธก็ยังไ่ม่เจอหนังสือที่โดนซะที เผลอมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบูธลด ๕๐% คนเยอะพอควรเลยเอากายเข้าไปแทรก หนังสือค่อนข้างหายากไม่รู้เพราะเจ้าของขี้เกียจจัดหรืออย่างไรก็กองๆมันไว้เป็นตั้งๆงั้นหล่ะ นักอ่านอยากเปิดเล่มไหนก็คุ้ยๆหากันยังกะหาสมบัติ ตาดีได้ตาร้ายเสีย หนังสือที่มาลดก็มีำพวก นวนิยาย การเืมือง ความรัก คอมพ์ เยอะแยะปนกันไปหมด แต่ก็ไม่วายนักอ่านได้เลือกเองอย่างนี้สิ่วางแผนการตลาดมาดี คนเข้าหาได้ง่ายกว่า ง่ายกว่า จัดให้เป็นระเบียบจะหยิบดูแต่ละทีนี่เกร็งกลัวเจ้าของร้านว่าเอา ก็เลยเห็นบูธข้างๆจัดวางซะดีเลยแต่ไม่ยักกะมีคน ได้เปรียบกว่าเห็นๆ ขายได้ไม่ได้ไม่รู้แต่คนเยอะไว้ก่อน ฮ่าา หยิบอ่านอยู่หลายเล่ม คนข้างๆก็ซื้อกันไปบ้างแล้วไฉนเลยเรายังไม่ได้กะเขาสักเล่ม ขอออกตัวก่อนเลยว่าปกติแล้วผมเป็นคนที่เลือกนานถ้าไ่ม่โดนไม่ถูกใจจะไม่เอาเด็ดขาด เอามาแล้วเฟล ไม่ถูกใจเสียดายตังค์ แต่ก็เอาวะหนังสือมีตั้งเยอะมันน่าจะมีสักเล่มสองเล่มแหล่ะที่โดนเข้าบ้าง ผมก็ลองรื้อลองค้นหาดูสักพักแว้ยไปเห็นเล่มนึง มีรูปดอกซากุระสีชมพูเต็มไปหมด แถมมีตัวคันจิ พาดซะใหญ่ มีรูปวาดคนญี่ปุ่นในสมัยโบราณ คลาสสิคจริงๆ หยิบมาดูหน้าปกก่อน “เซนอย่างมูซาชิ” สัมผัสแรกแว้บ เหมือนได้รับคัมภีร์โบราณมาเลยอย่างงั้น ตัวปกหนังสือก็เป็นกระดาษคล้ายกระดาษร้อยปอนด์ ความเก่าก็มีบ่งบอกอยู่ แหม่มันต้องมีอะไรแน่ๆ ลองเปิดอ่านผ่านๆดู วิถีแหล่งกลยุทธ์อะไรก็แล้วแต่ไม่สนใจเท่าไหร่ เอาเป็นว่าโดน เล่มนี้ที่ข้าเลือก ได้มาในราคา ๑๐๐บาท จากราคาหน้าปก ๒๕๐ บาท วะฮะฮ่า ดีใจยิ่งนัก จากนั้นก็เดินออกมาดูมินิคอนเสิร์ทของ Pu & the Rabbit ในโปรเจค I YOU WE THEY ของพี่เจี๊ยบ วรรธณา จากนั้นก็แวะหาอะไรกินซะหน่อย หิวมากมายตบท้ายด้วยเดินเข้าหอสมุดรังสิตเพื่อมาเล่นเนตและเชคเมล ด้วยประการชะนี้

อาหารที่บริโภควันนี้

  • ก๋วยจั๊บน้ำข้น (ที่จะไม่กินอีกเพราะเนื่องจากไม่อร่อยและไม่สะอาดอย่างแรง กินได้ไปแป้บนึงแมงวันลอยโผล่ อ้วกกกกกก~)
  • คอกเท ลไส้กรอกรวมมิตร (ความหอม จนทำให้น้ำลายสอ คนซื้อไม่หยุด ที่จริงแล้วผมจะซื้ออันนี้หล่ะแต่คนเยอะเลยไปดูคอนเสิร์ทพลางๆ แต่ให้น้อยไปหน่อยนะ เห็นใจคนกินจุบ้างเหอะ)
  • น้ำใบบัว บก  (แก้วโคตรใหญ่ แถมไม่เข้มข้นอีกตะหาก เฟล)
  • ข้าวมัน ไก่มิกซแอนด์แม่ท (ข้าวไ่ก่ทอดผสมไก่ต้ม ลองร้านเพิ่งเปิดใหม่ เฉยๆ)

หนังสือที่ได้วันนี้

  • เซนอ ย่างมูซาชิ—บทรักของนักกลยุทธ์

no single

5 มี.ค.

Today is my first day of my life on the way with someone who walks with me.

วันที่ฝนตก….

27 มิ.ย.

วันนี้แวะมาป่วนที่ ม.ศิลปากร สนามจันทร์
มาทีไร ฝนตกทู๊กทีเลย แต่ก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มานะ
บรรยากาศตอนนี้ รู้สึกเหมือนอยู่มหาลัยจริงๆ เสียงน้ำฝนตกกระทบพื้น เคล้ากับเสียง กลุ่มชายฉกรร ข้างๆร้องรำทำเพลงตีกลอง ซ้อมเพลงเชียร์ โต๊ะข้างๆก็มี เด็กมหาลัยกำลังติวน้องๆรู้สึกจะเป็นวิชาเคมี อีกด้านก็เป็นกลุ่มของเชียร์ลีดเดอร์ของคณะอักษรศาสตร์ กำลังซ้อมเต้นอย่างขมักเขม้น
ตอนนี้ฝนเริ่มซาลงแล้ว
บรรยากาศยังคงคึกคัก
ผมนั่งใต้ตึกคณะอักษรศาสตร์
คงสงสัยว่า
ผมมาทำอะไร?
.,..,.

ไม่บอกหรอก

แบร่ๆ

วัน เวลา ฉัน และเธอ

12 พ.ค.

.
วันเวลาเดินทางอย่างช้าๆ

 กี่คนมาแล้วที่เดินผ่านมา
กี่คนมาแล้วที่เดินเข้ามาและ
…ออกไป

เธอยังคงเดินทางอยู่ใช่มั้ย?

กี่วันมาแล้วที่เดินผ่านมา
กี่วันมาแล้วที่เดินเข้ามาและ
….จากไป

เธอยังคงรอใครอยู่ใช่มั้ย?

สักคนที่รักและคอยห่วงใย

เมื่อใครคนนั้นเค้าเดินเข้ามาและ


จากไป*


ปล๑. ขอโทษที่ปล่อยไว้กับเวลาที่ผ่านไป
ปล๒. กลับมาแล้วนะ
ปล๓. ดีกว่าไม่ได้กลับมาเลย
ปล๔. คิดถึง ไว้ใช้กับอดีต
ปล๕. แต่ส่งผลถึงปัจจุบัน และ       อนาคต

สุขสันต์วันเกิด ๒๒ ปี
เย่

 

Welcome to my 22 years

8 พ.ค.

BDAY

Yogii

is 22 years old.

Love  me  Love family ; )

Hello world!

7 เม.ย.

Hi I’m Yogi

the first time to use wordpress

wish you enjoy with me

bye bye 😉

สวัสดีปีใหม่ใหม่

5 ม.ค.
 
 
 
ให้เหล้า = แช่ง
อันนี้จิงจังครับ
 
 
สุขสันต์วันปีใหม่ไร้แอลกอฮอล์ กันถ้วนหน้าครับพี่น้อง
 
 
 
 
 
 
 
ปล ๑ ปีใหม่นี้หยุดยาว ได้กลับบ้านมีความสุขจัง
ปล ๒ ตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับมาแล้วไปเดินชิลชายหาดให้ได้
ปล ๓ กลับมามรสุมเข้าครับพี่น้องครับ ฝนตก ตัลหลอด  โอ้ว ฉิด!!
ปล ๔ อดชิลครับ ใกล้จะกลับแล้ว แถมไม่ได้เจอมิตรเต่าทั้งหลายอีก มายเฟรนด์ส
ปล ๕ แต่อย่างน้อยกลับมาได้อยู่บ้านที่อบอุ่น กับครอบครัว แค่นี้ ถือว่า แฮปปี้นิวเยียร์แล้วค๊าบบบบบ
ปล ๖ ของขวัญปีใหม่สำหรับตัวเองในปีนี้ ขอให้ แข็ง ยาว ใหญ่ ก็พอครับ
 
 
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 

L0ng Live the KING

5 ธ.ค.
 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
 
 

รักพ่อครับ